วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

อย่าพึ่งคิดว่าเป็น Yamaha Jupiter ที่จริงคือ Demak DVS 110 เหมือนอย่างกับแฝด!

       ถ้าพูดถึงการออกแบบรถออกมาสักรุ่น มันก็อาจจะมีบางส่วนที่ไปคล้ายกับรุ่นนั้นบ้าง รุ่นนี้บ้าง เป็นเรื่องธรรมดาที่เราเห็นอยู่ตลอด แต่กับรถบางคันทำออกมาอย่างกับแฝดกันเลยทีเดียว!



ยามาฮ่าประเทศไทยพึ่งจะเปิดตัว Jupiter RC ไปได้สักพัก ซึ่งในต่างประเทศมีขายมาก่อนแล้ว แต่บังเอิญผมไปเจอรถรุ่นหนึ่งที่ต้องบอกว่าเหมือนกันอย่างกับแกะ นั่นก็คือ Demak DVS 110 เท่าที่หาข้อมูลยังไม่แน่ชัดว่าเป็นรถสัญชาติใด บ้างก็ว่าจีน บ้างก็ว่าไต้หวัน แต่รถรุ่นนี้มีขายที่มาเลเซียและผลิตในประเทศด้วย งั้นเราไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรที่ต่างกันบ้าง

ถ้ามองการออกแบบบอกเลยว่าเปะทุกสัดส่วน ซึ่งในส่วนนี้ก็ยังไม่แน่ใจว่ามีการพูดคุยกับยามาฮ่าในการใช้ดีไซน์ของ Jupiter หรือไม่ ซึ่งขนาดของ Demak DVS 110 จะมีความยาว 1,950  มม. ความกว้าง 660 มม. ความสูง 1,100 มม. และระยะฐานล้อ 1,255 มม. เมื่อเทียบกับ Yamaha Jupiter RC จะมีความยาว 1,935 มม. ความกว้าง 680 มม. ความสูง 1,065 มม. และระยะฐานล้อ 1,240 มม. ก็มีขนาดที่ต่างกันบ้าง






นอกจากดีไซน์จะเหมือนกันแล้ว ออพชั่นที่ให้มาก็ยังเหมือนกันอีก ดิสก์เบรกหน้าแบบ Floating Disk พร้อมปั๊มเบรคคาลิปเปอร์คู่ โช้คหลังคู่แบบซับแท้งค์ เบรคหลังดรัม ขนาดยางหน้า 70/90-17 ยางหลัง 80/90-17 

เครื่อยนต์ของ Demak DVS 110 จะเป็นแบบ 4 จังหวะ สูบเดี่ยว SOHC 110 ซีซี คาร์บูเรเตอร์ ระบายความร้อนด้วยอากาศ กำลังอัด 9.4:1 ให้กำลัง 7.8 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที แรงบิด 7.8 นิวตันเมตร ที่ 5,500 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ 4 สปีด

ส่วนเครื่องยนต์ของ Yamaha Jupiter RC จะเป็นแบบ 4 จังหวะ สูบเดี่ยว SOHC 115 ซีซี หัวฉีด ระบายความร้อนด้วยอากาศ กำลังอัด 9.3:1 ให้กำลัง 9.9 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที แรงบิด 9.9 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ 4 สปีด



       Demak DVS 110 เท่าที่หาข้อมูลพบว่าเครื่องยนต์จะมีบางส่วนที่สามารถใช้ร่วมกับเครื่องยนต์ของค่ายญี่ปุ่นได้ แม้ว่าการออกแบบหรือออพชั่นจะเหมือนกัน แต่คุณภาพวัสดุจะต่างกัน เช่นชุดพลาสติก หรือแม้แต่ชุดเบรคและโช้ค ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มีราคาถูกกว่ารถตลาด ซึ่งเป็นอีกจุดขายของเขาเลยล่ะ!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars
***************************
ที่มา demakmotor
ภาพจาก arenapermotoran

Yamaha ประเทศไทยเรียก M-Slaz เข้าแก้ไขสายไฟอาจลัดวงจรจากการเสียดสี!

       รถทุกค่ายที่มีจำหน่ายในปัจจุบันล้วนแต่มีโอกาสเจอกับปัญหากันทั้งสิ้น แต่การดูแลเอาใจใส่ในการแก้ไขปัญหานั้นโดยบริษัทรถเองถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแสดงถึงความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ของตน!


ซึ่งล่าสุดทางยามาฮ่า ประเทศไทย ได้ส่งจดหมายไปยังผู้ใช้รถจักรยานยนต์รุ่น M-Slaz เพื่อเข้ารับการแก้ไขสายไฟหลักบริเวณคอรถจักรยานยนต์

"บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ใคร่ขอขอบพระคุณอย่างสูงที่ท่านให้ความไว้วางใจและเลือกใช้รถจักรยานยนต์รุ่น M-Slaz เป็นพาหนะคู่ใจของท่าน แต่เนื่องจากบริษัทได้ตรวจสอบพบปัญหาของสายไฟหลักบริเวณคอรถจักรยานยนต์ในบางคันที่มีความเสี่ยงอาจจะเกิดการเสียดสีกับชิ้นส่วนโครงรถและเกิดการลัดวงจรได้

ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถจักรยานยนต์ของท่าน บริษัทฯ จึงจะดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาสายไฟดังกล่าวให้กับลูกค้าทุกท่าน โดยขอให้ท่านนำรถจักรยานยนต์ M-Slaz ของท่าน พร้อมกับจดหมายฉบับนี้ ไปยังร้านผู้จำหน่ายที่ท่านซื้อ หรือร้านผู้จำหน่ายที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการของยามาฮ่าที่ท่านสะดวกในทันที เพื่อตรวจเช็คและเปลี่ยนชิ้นส่วนที่อาจจะเกิดปัญหา โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น"

       หากใครได้รับจดหมายก็สามารถเข้ารับบริการได้เลยครับ หากใครยังไม่ได้รับจดหมายก็ติดต่อขอเปลี่ยนได้เช่นกัน เพราะบางครั้งมีการเปลี่ยนรถจากการซื้อขาย หรือด้วยเหตุผลอื่นทำให้จดหมายไปไม่ถึง!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars
***************************

วันศุกร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Kawasaki ประเทศไทย ประกาศ Recall เรียก Z125 เข้ารับการแก้ไขโช้คหลัง!

       Kawasaki Z125/Z125Pro ในสหรัฐอเมริกามีการเรียกกลับไปเปลี่ยนโช้คหลังเนื่องจากมีปัญหาในส่วนของน้ำมันโช้คที่มีการรั่วซึมออกมา และอาจส่งผลอันตรายต่อผู้ขับขี่ ล่าสุดคาวาซากิ ประเทศไทยก็ได้ประกาศ Recall เป็นที่เรียบร้อย!


Kawasaki ประเทศไทย ประกาศเรียกรถรุ่น Z125/Z125Pro เข้ารับการแก้ไขโช้คหลังใหม่ที่น้ำมันมีโอกาสซึมและส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานไม่เต็มที่

"บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอแจ้งให้ท่านลูกค้าผู้ใช้รถจักรยานยนต์รุ่น Z125 และ Z125 Pro ทราบว่า บริษัทจะทำการเปลี่ยนโช้คอัพหลังที่ได้รับการปรับปรุงคุณภาพแล้วให้กับท่าน ณ ศูนย์บริการของตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์คาวาซากิที่ได้รับการแต่งตั้งโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ กับท่าน เนื่องจากรถบางคันอาจมีน้ำมันโช้คหลังรั่วซึม ซึ่งเกิดจากการใช้จารบีที่ไม่เหมาะสมมาหล่อลื่นซีลกันน้ำมัน

หมายเลขตัวถังของรถที่บริษัทฯ จะทำการเปลี่ยนโช้คอัพมีดังนี้


หากรถของท่านใดอยู่ในกลุ่มหมายเลขตามที่ระบุ ท่านจะได้รับจดหมายแจ้งจากบริษัทเพื่อเข้ารับบริการเปลี่ยนโช้คหลัง เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการบริการ โปรดติดต่อนัดหมายกับศูนย์บริการใกล้เคียง ซึ่งการเปลี่ยนโช้คอัพจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที บริษัทจึงขออภัยมา ณ โอกาสนี้ สำหรับความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น"


       หากรถท่านใดเข้าข่ายดังกล่าวก็ติดต่อที่ศูนย์บริการได้เลย ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมของการเรียก Recall ในครั้งนี้ เป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์ของตน และยังสร้างความเชื่อมั่นแก่แบรนด์อีกด้วย!


ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars
***************************
ที่มา kawasaki

วันพุธที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

จับภาพ New KTM Duke 390 โฉมใหม่ได้ขณะวิ่งทดสอบ!

       ช่วงสองเดือนที่ผ่านมามีภาพแอบถ่ายของ New KTM Duke 390 ใหม่ได้ในโรงงานแห่งหนึ่งที่อินเดีย ซึ่งก็เผยให้เห็นถึงรูปร่างหน้าตาที่เปลี่ยนและแตกต่างไปจากเดิม ซึ่งได้ดีเอ็นเอมาจากรุ่นพี่เยอะเลย!


ภาพแอบถ่ายจากโรงงานแห่งหนึ่งในอินเดีย

ล่าสุดมีภาพแอบถ่าย KTM Duke 390 โฉมใหม่ระหว่างการวิ่งทดสอบ ทำให้รู้ว่ามี DNA ของรุ่นพี่ 1290 Super Duke R อยู่พอสมควร ไฟหน้าแบบ LED สองฝั่ง ดีไซน์กดต่ำลงให้เตี้ยกว่าถังน้ำมัน ซึ่งแฟริ่งด้านข้างบริเวณปีกแผงหม้อน้ำก็ออกแบบให้เรียวแหลมกว่าเดิม

งานวิศวกรรมจะพัฒนามาจากโฉมเดิม แต่ก็สร้างรายละเอียดที่แตกต่างไปพอสมควร เครื่องยนต์มีขนาด 373.2 ซีซี แบบ 1 สูบ ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ ซึ่งจะมีการปรับกำลังแรงม้า,แรงบิดมากขึ้น และปรับให้สามารถผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro 4 รวมถึงเทคโนโลยีของเดิมและของใหม่ก็มีการเพิ่มเข้ามา อย่างเช่น ระบบเบรก ABS หน้าหลังแบบเลือกเปิด-ปิดได้, โช๊คอัพ WP Suspension, คันเร่งไฟฟ้า Ride-By-Wire และสลิปเปอร์คลัทช์ช่วยลดแรงกระชักระหว่างการลดเกียร์

       All New KTM Duke 390 จะเปิดตัวในงาน EICMA 2016 ปลายปีนี้ที่เมืองมิลาน ประเทศอีตาลี ซึ่งเราอาจจะได้เห็น All New RC390 ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงพร้อมๆกัน ส่วนบ้านเราต้องรอก่อนสักพัก!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars
***************************
ที่มา visordown

อัพเดทข้อมูล New Honda CBR1000RR ก่อนเปิดตัวปลายปีนี้!

       หลังจากที่ค่ายปีกนกอย่าง Honda ได้ปล่อยรถสปอร์ตไบค์ขนาด 250 ซีซี ไปหมาดๆแล้ว รุ่นพี่ใหญ่ก็มีข่าวที่น่าสนใจมาฝากกัน ซึ่งเป็นข้อมูลของ CBR1000RR รุ่นถัดไป!

Honda CBR1000RR รุ่นปัจจุบันถือว่าเป็นรถที่ทำตลาดมานานพอสมควร แม้จะมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาและส่วนอื่นๆบ้าง แต่ก็ยังอยู่ในพื้นฐานเดิม รวมถึงเรื่องพละกำลังของเครื่องยนต์ที่ดูจะด้อยกว่าคู่แข่งที่ตอนนี้ก็ถือว่าเปลี่ยนโฉมและนำหน้าไปพอสมควร

ภาพ Rendering

ข้อมูลของ New Honda CBR1000RR ใหม่นี้จะขอแยกย่อยออกเป็นข้อๆ เพื่อให้เห็นชัดๆว่ามีส่วนไหนเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

- ระบบไฟส่องสว่างจะเป็นแบบ LED ทั้งหมด
- เบาะนั่งจะมีสองแบบ คือที่เดียวเฉพาะคนขับ และแบบสองชั้นสำหรับผู้ซ้อน
ตำแหน่งท่อไอเสียจะอยู่ใต้ท้องรถ
- เครื่องยนต์มีการปรับปรุง Ram-Air ใหม่ให้ใหญ่เพื่อการไหลเวียนอากาศที่ดีขึ้น รวมถึงระบบหัวฉีด และการปล่อยท่อไอเสียผ่านมาตรฐาน Euro 4
- ระบบเบรค Cornering ABS ปรับการทำงานในขณะโค้งได้ดีมากขึ้น
- คันเร่งแบบไฟฟ้า Ride by wire
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและลื่นไถล Traction Control
- ระบบป้องกันล้อยกยามเผลอบิดคันเร่ง Anti-Wheelie

- โหมดการขับขี่ Riding mode
- ระบบช่วงล่าง Semi-Active คือโหมด
ปรับค่าความหนืดของโช๊คตามที่ผู้ใช้กำหนดเอง และแบบอัติโนมัติ
- น้ำหนักตัวรถลดลงประมาณ 10 กิโลกรัม

       และนี่ก็เป็นข้อมูลที่มีการรั่วไหลออกมา แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรอการยืนยันอีกทีเพื่อความแน่ชัด New Honda CBR1000RR มีกำหนดจะเปิดตัวช่วงปลายปี 2016 นี้ ก็คงต้องรอดูว่าจะออกมาเป็นเช่นไร!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars
************************************
ที่มา indobikermags

9 จุดเด่นใน All New Honda CBR250RR เมื่อเทียบกับคู่แข่ง!

       หลังจากที่เราได้เห็นและรู้สเปคของ All New CBR250RR ไปบ้างแล้ว คราวนี้เลยอยากจะเสนอจุดเด่นของเจ้าคันนี้ว่าจะมีอะไรที่โดดเด่นเทียบเท่าหรือเกินหน้าเกินตาคู่แข่ง!



จุดเด่นที่ว่าจะขอแบ่งออกเป็น 9 จุด ซึ่งหลายอย่างที่ให้มาถือว่าเป็นครั้งแรกในรถระดับนี้ แต่บางอย่างไม่ได้ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่ก็เป็นสิ่งที่สะดุดตายามพบเห็น

1. ไฟหน้า Full LED



       CBR250RR จะใช้ไฟหน้าแบบ Full LED แบบ 100% ซึ่งจะให้แสงสว่างที่เด่นชัดในยามกลางวันและกลางคืน นี่ยังไม่รวมไฟอื่นๆอย่างเช่น ไฟ DRL ไฟเลี้ยว และไฟท้ายก็เป็น LED เช่นกัน

2. โช๊คหน้าหัวกลับ UpSide Down




       เป็นรถญี่ปุ่นค่ายแรกที่จับเอาโช๊คหน้า USD มาใส่ในรถพิกัดนี้ นอกจากคุณสมบัติของตัวโช๊คแล้ว ความสวยงามก็เป็นอีกสิ่งที่ตามมาและหลายคนถวิลหา


3. แฮนด์จับใต้แผงคอ



       ด้วยความที่เป็นรถรหัส RR ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้สปอร์ตเต็มตัวอยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่จะได้เห็นแฮนด์จับใต้แผงคอ ซึ่งในคู่แข่งจะจับด้านบน (ยกเว้น Ninja 250SL) แม้การขับจะไม่ได้เน้นความสบายนัก แต่ท่วงท่ากับขับขี่ก็หล่อบาดใจไม่แพ้รถเลยล่ะ

4. สวิงอาร์มอลูมิเนียม



       เป็นจุดที่ฮอนด้าถูกตำหนิมาอย่างหนักในรุ่น CBR250-300R ที่เป็นเหล็กเหลี่ยม รวมถึงรุ่นพี่ตระกูล 500 Series ด้วย แม้คู่แข่งอย่าง Yamaha R25 ก็เป็นอลูมิเนียมเหมือนกัน แต่ใน Kawasaki Ninja250 ยังใช้แบบเหล็กเหลี่ยมอยู่

5. แฟริ่งมีช่องระบายอากาศด้านท้ายรถ



       ไม่คิดว่าการออกแบบของฮอนด้ายุคนี้จะเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก แฟริ่งด้านท้ายถูกออกแบบมาให้มีช่องให้ลมลอดผ่าน ซึ่งในตัว CB/CBR500 ก็มีช่องในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่เจาะให้ทะลุ ส่วนนี้ทำให้ CBR250RR ดูดีขึ้นอีกระดับ เพราะจะเห็นได้ในรุ่นซีซีสูงๆ

6. ท่อไอเสียคู่



       ในคู่แข่งนั้นจะเป็นท่อเดี่ยวๆ แต่ CBR250RR จัดท่อคู่มาให้เลย ซึ่งน่าจะมีผลต่อระบบการปล่อยไอเสียรวมถึงซุ่มเสียงอีกด้วย

7. มาตรวัด Full Digital




       
มาตรวัดเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีการผสมผสานระหว่างดิจิทอลกับอนาล็อกเข้าไว้ด้วยกัน แต่ของ CBR250RR ให้มาแบบดิจิทอลทั้งหมด ซึ่งมีฟังก์ชั่นที่หลากหลาย ฝั่งซ้ายเป็นวัดความร้อนและปริมาตรน้ำมันเชื้อเพลิง จอกลางจะมีการบอกตำแหน่งเกียร์, รอบเครื่องยนต์, ความเร็ว, นาฬิกา, ระยะทางที่ใช้ ทริป A,B พร้อมบอกการบริโภคน้ำมันโดยเฉลี่ยแบบ กม./ลิตร, แสดงโหมดการขับขี่ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการจับเวลาได้อีกด้วย ซึ่งจะมีปุ่ม LAP ที่แฮนด์ฝั่งซ้าย และไฟชิฟท์ไลท์ด้านบนจอเพื่อเตือนว่าถึงเวลาเปลี่ยนเกียร์นั่นเอง ถือว่าให้มาครบครันจริงๆ

8. คันเร่งไฟฟ้า Throttle By Wire




       ถือว่าเป็นรุ่นเดียวในกลุ่มที่จัดคันเร่งแบบไฟฟ้ามาให้ ซึ่งคู่แข่งจะยังใช้คันเร่งแบบสายอยู่

9. โหมดขับขี่




       จุดเด่นสุดท้ายคือโหมดขับขี่ที่มีให้เลือกด้วยกัน 3 โหมด ได้แก่ Comfort, Sport และ Sport+ โดยสามารถเลือกปรับโหมดได้เพียงใช้นิ้วชี้กดปุ่มที่อยู่ในตำแหน่งไฟ Pass เดิม ซึ่งไฟ Pass จะถูกย้ายไปอยู่รวมกับปุ่มปรับไฟต่ำ


       และทั้งหมดนี้คือจุดเด่นของ All New Honda CBR250RR น้องใหม่แห่งรถระดับ Entry Class ซึ่งการมาในครั้งนี้ถือว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ๆให้แก่วงการ และโฉมถัดไปของคู่แข่งจะต้องจัดเต็มมาเพื่อสู้กับฮอนด้าอย่างแน่นอน!


ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars
************************************

วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Ford เตรียมเปิดตัว Ranger รุ่นปรับอุปกรณ์และรุ่น FX4 วันที่ 8 สิงหาคมนี้!

       ตั้งแต่ Ford เปิดตัว Ranger รุ่นไมเนอร์เชนจ์ไปเมื่อปีที่แล้วก็เรียกได้ว่ามีกระแสตอบรับค่อนข้างดี และยอดขายก็ดีขึ้นเกาะกลุ่ม 3 อันดับแรกไว้อย่างเหนี่ยวแน่น!



ด้วยเหตุนี้เองฟอร์ดจึงจะทำการเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่เพื่อเข้ามาแทรกระหว่างรุ่น XLT และ Wikdtrak นั่นก็คือรุ่น FX4 จะเป็นรุ่นที่มีการตกแต่งในสไตล์กึ่งออฟโรดเข้มดุดัน โดยเอาพื้นฐานมาจากรุ่น 2.2 Double Cab Hi-Rider XLT นั่นเอง ซึ่งน่าจะมีให้เลือกสองรุ่น รุ่นเกียร์ธรรมดาและรุ่นเกียร์อัตโนมัติ

- เครื่องยนต์ 2.2 ลิตร VG Turbo กำลัง 160 แรงม้า ที่ 3,2000 รอบต่อนาที แรงบิด 385 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที
- ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ลายใหม่รมดำ
- อุปกรณ์ภายนอกสีดำ + สติ้กเกอร์รอบคัน
- ราวหลังคา สปอร์ตบาร์ พื้นปูกระบะ
- เบาะหนัง
- มีสีตัวถังให้เลือก ขาว ดำ เทา เงิน



นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ ดังนี้

1. ตอนเดียว STD 2.2 High Power XL 4x2 6MT
- กำลังเครื่อง 150 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร
- ช่องต่อ USB และ Bluetooth
มาแทนรุ่น Standard cab ตัวปัจจุบัน

2. Open Cab ยกสูง 2.2 Mid Power XL+ 4x2 6MT
- กำลังเครื่อง 125 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร
- ล้ออัลลอย 16 นิ้ว เหมือนรุ่น XLS
- กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
- หน้าต่างปรับไฟฟ้า (ขึ้น-ลงออโต้ฝั่งคนขับ)
- ช่องต่อ USB และ Bluetooth

3. Open Cab ยกสูง 2.2 High Power XLS 4x2 6AT
- กำลังเครื่อง 150 แรงม้า แรงบิด 375 นิวตันเมตร
- เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

4. Open Cab ยกสูง 2.2 Mid Power XLS 4x4 6MT
- กำลังเครื่อง 125 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร

ส่วนรุ่นปัจจุบันที่มีอยู่แล้วจะปรับอุปกรณ์เพิ่ม ดังนี้

1. Open Cab ตัวเตี้ย 2.2 Mid Power XL 4x2 6MT
+ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า
+ หน้าต่างปรับไฟฟ้า (ขึ้น-ลงออโต้ฝั่งคนขับ)
+ ช่องต่อ USB และ Bluetooth
ไม่ปรับราคา 599,000 บาทเท่าเดิม

2. Ford Ranger Wildtrak ทุกรุ่นจะเพิ่ม Sync 3 รองรับ Apple CarPlay และ Applink (ไม่ปรับราคา)

       ซึ่งทั้งหมดจะเปิดตัวพร้อมราคาวันที่ 8 สิงหาคมนี้ รุ่น FX4 คาดว่าราคาจะอยู่ในช่วง 879,000-899,000 บาท สำหรับเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติจะอยู่ที่ 919,000-939,000 บาท หากใครสนใจหรือเป็นสาวกฟอร์ดก็สามารถติดตามได้เลย เพราะจะคอยอัพเดทอยู่เรื่อยๆ!

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars
************************************

เปิดสเปค All New CBR250RR แบบละเอียดยิบ พร้อมภาพและวิดีโอทุกซอกทุกมุม!

       คงจะเห็นกันไปบ้างแล้วสำหรับ All New Honda CBR250RR ที่เปิดตัวไปเมื่อวานที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งต้องบอกว่าได้รับความสนใจไม่น้อยเลย โดยเฉพาะในเมืองไทย!


วันเปิดตัวมีทั้งภาพและวิดีโอกันออกมาจากสื่ออินโดฯ แต่ในเรื่องของสเปคของรถเราจะมาคุยกัน ซึ่งผมได้หาข้อมูลและรวบรวมไว้ที่นี่แบบที่เดียวจบ พร้อมทั้งภาพและคลิปทุกซอกทุกมุมของ CBR250RR สปอร์ตตัวใหม่ของฮอนด้า

ก่อนอื่นต้องขอไล่ไปจากหน้าตาของรถกันก่อน รถคันนี้มีจุดเด่นที่ทุกคนจะเห็นเป็นสิ่งแรกเลยก็คือไฟหน้า จะใช้แบบ Full LED วางไว้สองดวง ซึ่งด้านบนจะมีไฟส่องสว่างเวลากลางวัน DRL พร้อมเป็นไฟเลี้ยวในตัว นั่นหมายความว่าจะไม่มีก้านออกมาเหมือนโมเดลอื่นๆ



การดีไซน์ค่อนข้างโดดเด่นพร้อมทำออกมาเรียกได้ว่าดุดัน แฟริ่งด้านข้างมีเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว ซึ่งจะคล้ายรุ่นพี่ CBR500R แต่จะดูมีมัดกล้ามมากกว่าด้วยถังน้ำมันทรงใหม่ ผสมผสานระหว่างถังจริงและวัสดุไฟเบอร์ ความจุ 14.5 ลิตร ท้ายรถค่อนข้างสูงโด่งให้อารมณ์สปอร์ตเต็มพิกัด ซึ่งเบาะนั่งคนขับจะมีความสูง 790 มม.

ท่อไอเสียท่อแกร่งแบบสองท่อเรียงต่อกัน ตกแต่งด้วยการ์ดกันความร้อนสีเงินและดำ เมื่อมองจากด้านข้างแล้วจะเห็นโครงถักที่ไม่มีการปกปิดเอาไว้ และสวิงอาร์มแบบอลูมิเนียมทรงคล้ายรุ่นพี่ 650F สีเงิน ไฟท้ายแบบสองชั้นดูทันสมัยดี หล่อเหลาเอาการด้วยชุดโช๊คอัพหน้าหัวกลับ USD พร้อมดิสก์เบรคเดี่ยว ลูกสูบคู่ 310 มม. ด้านหล้งเป็นโช๊คเดี่ยวแบบ Pro-LINK ปรับได้ 5 ระดับ และดิสก์เบรคเดี่ยว ลูกสูบเดี่ยว 240 มม. ขนาดยางหน้า 110/70 - 17 54s ขนาดยางหลัง 140/70 - 17 66s


มาตรวัดแบบ Full Digital ที่แสดงรอบเครื่องยนต์สูงถึง 16,000 รอบต่อนาที จัดจ้านเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 8 วาล์ว 2 สูบ 249.7 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมอัตโนมัติ ระบบเกียร์ 6 สปีด คันเร่งไฟฟ้า Throttle-By-Wire และมีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 แบบ Comfort, Sport และ Sport+ แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลเครื่องยนต์แบบเต็มๆ แรงม้า แรงบิดยังไม่มีการเปิดเผยออกมาแต่อย่างใด

       การเปิดตัวที่อินโดนีเซียจะมีทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน นั่นก็คือ All New CBR250RR (STD) แบบไม่มีระบบเบรค ABS ราคาจะอยู่ราวๆ 168,000 บาท และรุ่น All New CBR250RR (ABS) มีเบรค ABS ราคาประมาณ 184,000 บาท ในบ้านเราถือว่ามีสิทธิ์ได้ใช้ แต่ต้องรอดูท่าทีของเอพีฮอนด้าว่าจะเป็นอย่างไร!





สเปค 
All New Honda CBR250RR
กว้างxยาวxสูง : 2,060 x 724 x 1,098 มม.
ฐานล้อ : 1,389 มม.
ระยะใต้ท้องรถ : 145 มม.
ความสูงเบาะ : 790 มม.
ถังน้ำมันเชื้อเพลิงความจุ : 14.5 ลิตร
เครื่องยนต์ : แบบ 4 จังหวะ 8 วาล์ว 2 สูบ
ความจุ : 249.7 ซีซี
ระบายความร้อน : ด้วยน้ำและพัดลมอัตโนมัติ
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : หัวฉีด PGM-FI
ความกว้างกระบอกสูบxช่วงชัก : 62.0 x 41.4 มม.
อัตราส่วนกำลังอัด : 11.5: 1
ระบบเกียร์ : ธรรมดา 6 สปีด
ระบบสตาร์ท : มือไฟฟ้า
ระบบคลัช : แบบเปียกคลัชกับ Coil Spring
ความจุน้ำมันเครื่อง : 1.9 ลิตร
คันเร่ง : ไฟฟ้า Throttle-By-Wire พร้อมเซนเซอร์จับอัตราเร่ง
เบรคหน้า : ดิสก์เดี่ยว ลูกสูบคู่ 310 มม. พร้อม ABS
เบรคหลัง : ดิสก์เดี่ยว ลูกสูบเดี่ยว 240 
มม. พร้อม ABS
เฟรม : แบบเหล็กกลมถัก Truss Frame
ระบบกันสะเทือนหน้า : หัวกลับ USD
ระบบกันสะเทือนหลัง : สวิงอาร์มอลูมิเนียม พร้อมโช๊คเดี่ยวแบบ Pro-LINK ปรับได้ 5 ระดับ
ขนาดยางหน้า : 110/70 - 17 54s
ขนาดยางหลัง : 140/70 - 17 66s
แบตเตอรี่ : MF 12V - 7Ah
หัวเทียน : NGK SILMAR8C-9

ติดตามข่าวสารยานยนต์ได้บนแฟนเพจ MZ Crazy Cars
************************************
ที่มา astra-honda, iwanbanaran
ภาพจาก tmcblog
คลิกภาพหากต้องการขยาย!


































******************************