วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

All New MG GS รถครอสโอเวอร์รุ่นใหม่ ประเดิมตลาดจีนที่แรกก่อนแทรกตัวเข้าไทย!!

       MG เดินหน้ารุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในงาน Auto Shanghai นี้เอง MG ก็ได้เผยโฉม MG GS รถครอสโอเวอร์ซึ่งจะทำตลาดในประเทศจีนเป็นแห่งแรกของโลก...!!



       จากตัวต้นแบบ MG CS สู่ตัวขายจริงในชื่อ MG GS นั้นถือได้ว่ามีเอกลักษณ์ที่ลงตัวไม่เบาทีเดียว มีรูปลักษณ์ที่สะดุดตาด้วยไฟหน้า Projector ติดไฟ DRL ไว้ที่กันชนหน้าและตกแต่งโครเมี่ยมและไฟตัดหมอกฝังไว้ด้าน ด้านท้ายติดตั้งสปอยเลอร์หลังมาให้ มีหลังคาซันรูฟ และล้ออัลลอยด์ลายหรูหราสวยงามขนาด16 และ 18 นิ้ว ให้เลือกในแต่ละรุ่น




      ส่วนภายในห้องโดยสารจะมีความหรูหราและดีไซต์เหลี่ยมคมเข้ายุคสมัย พวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชั่นควบคุมเครื่องเสียง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบอินโฟเทนเมนต์ที่มีลำโพง 4 ตัวตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น หน้าจอแสดงผลขนาด 6 นิ้ว และ 8 นิ้ว รองรับผู้โดยสาร 5 ที่นั่ง เบาะแบบกึ่งหนังแท้ และเบาะแถวสองยังพับแบบ 60/40 ได้อีกด้วย


       เครื่องยนต์ของ MG GS นั้น จะเป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุด 168 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร และเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ให้กำลังสูงสุดถึง 220 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เกียร์ดูอัลคลัตช์ 6 สปีด รวมถึงเกียร์ดูอัลคลัตช์ 7 สปีดในรุ่นท็อป และยังให้เลือกทั้งรุ่นขับหน้าเป็นมาตรฐาน ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นอ็อปชั่นเสริมพิเศษ และมีถุงลมนิรภัยรอบคัน

       All New MG GS จะทำตลาดที่เมืองจีนเป็นแห่งแรกของโลก และจะเปิดตัวขายที่อังกฤษภายในปีหน้าซึ่ง MG ยืนยันว่าจะมีการปรับสเปคเครื่องยนต์และระบบเกียร์ให้แตกต่างจากในจีน...และที่สำคัญรถยนต์รุ่นนี้มาขายที่เมืองไทยแน่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เห็นออกมาวิ่งทดสอบกันแล้ว...!!

*******************************************************************************************************

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

เผยแล้ว Nissan Lannia โฉมใหม่เจาะใจวัยรุ่น..เตรียมวุ่นที่เมืองจีน..!!

 

       จุดเริ่มต้นแรกของทิศทางการออกแบบเมื่อ Nissan Motor ได้เผยโฉม Nissan Lannia ใหม่ ที่เตรียมผลิตและจำหน่ายจริงเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่แค่ขนความสวยงามมาอวดชาวจีน แต่ยังทำให้คนทั้งโลกอิจฉาตาร้อนผ่าวๆกันเลยทีเดียว!!


       Nissan Lannia ใหม่นี้จะว่าไปแล้วก็มีการดีไซต์แทบไม่ต่างจาก
 Nissan Maxima 2016 ซึ่งจะมีความเป็นวัยรุ่นที่ติดแนวสปอร์ต ซึ่งจะเห็นได้ชัดด้วยกระจังหน้าแบบ V Motion เส้นฝากระโปรงนูนโหนกพริ้วไหวซึ่งต่อเนื่องไปถึงด้านข้างตัวรถให้อารมณ์ล้ำมาก เสา A,B และ C สีดำ กันชนท้ายดีไซต์ที่เป็นเอกลัษณ์เฉพาะตัว


       ภายในห้องโดยสารจะลงตัวและเน้นการออกแบบและผู้โดยสารเป็นสำคัญ ซึ่งจะให้ทั้งความสะดวกสบาย บริเวณคอนโซลมีการตกแต่งด้วยเคฟล่าสีแดง ช่วยเพิ่มความสปอร์ต เบาะหนังสีดำผสานกับผ้าโทนสีแดง มีระบบความบันเทิงผ่านหน้าจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว และระบบเชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทโฟน


       Nissan Lannia มีการออกแบบมาให้ถูกใจชาวจีนโดยเฉพาะ ซึ่งจะเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไป กำลังมองรถที่ให้ความคุ้มค่า อัดระบบความปลอดภัยอย่างเต็มที่ และประหยัดน้ำมัน

       ณ ตอนนี้ นิสสันยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลมากนัก แต่คาดว่าน่าจะเปิดตัวประมาณไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ และแน่นอนว่า Nissan Lannia 2015 จะมีจำหน่ายเฉพาะประเทศจีนเท่านั้น...!!

****************************************************************************

วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

หลุดทั้งยวง!! ภาพสิทธิบัตร All New Honda Civic โฉมใหม่...ได้ลูบไล้แน่สิ้นปีนี้!!

       ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราจะได้ยินข่าวคราวของ Honda Civic ตั้งแต่ Type R มาจนถึง Honda Civic Concept ที่พึ่งจะอวดโฉมในงาน New York Auto Show ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี แต่ล่าสุดก็ได้มีภาพหลุดสิทธิบัตรของ All New Honda Civic ทั้งแบบ Sedan และ Coupe ออกมาซะได้...!!



       หลังจากที่ฮอนด้าเผยโฉม Honda Civic ที่ขายในปัจจุบันก็มีเสียงออกมากล่าวว่ามันไม่ค่อยจะโดดเด่นเอาซะเลย ประกอบกับช่วงที่ผ่านมานี้มีข่าวของ Civic โฉมใหม่บ่อยมาก มันเลยทำให้หลายคนจดๆจ้องๆ รอชมกันตาเป็นมันเลย ซึ่งภาพที่หลุดออกมานี้เห้นได้ค่อนข้างชัดว่าตัวซีดานกับคูเป้มีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันทีเดียว



       มาเริ่มจาก All New Honda Civic 
Coupe กันก่อน หน้าตาจะเห็นได้ว่ามี DNA ของพี่ๆน้องๆรวมกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้ากับกระจังหน้าแบบ H Design และชิ้นกันชนล่างที่มีทำนองเดียวกับ Honda City แต่โดยรวมจะมีความสปอร์ตมากกว่า เส้นสายด้านข้างมีการปาดยาวไปถึงท้ายรถ และสะดุดตาด้วยไฟท้ายที่ลากยาวหากันตลอดฝาท้ายเหมือนตัว Concept เลย ซึ่งดูลงตัวพอสมควร

       ส่วนตัว Civic Sedan นั้นจะมีการขยายช่องกระจกของบานประตูหลังให้มากขึ้นและยาวขึ้น ซึ่งทำให้ส่วนท้ายของรถค่อนข้างสั้นใกล้เคียงกับ Coupe ไฟท้ายจะมาทรงเดียวกันแต่ทำแยกออกจากกัน ซึ่งโดยรวมดูสปอร์ตกว่าเดิมมาก

       ขุมพลังถึงจะยังไม่มีข้อมูลมากนัก แต่คาดว่าน่าจะใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.5 ลิตร เทอร์โบ direct-injection ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติ CVT และมีระบบความปลอดภัยอย่างจัดเต็ม เช่น ระบบเตือนเมื่อเข้าใกล้รถคันด้านหน้าเกินไป, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และกล้องรอบคัน

       All New Honda Civic ใหม่นี้ จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ส่วนเมืองไทยคาดว่าอาจจะได้เห็นภายในปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าครับ...!!
*******************************************************************************************

 All New Honda Civic Sedan






ที่มา : civicx.com/
headlightmag.com

วันเสาร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2558

Ep.4 Cars Battle : MG3 Hatchback VS Mazda 2 Skyactiv-G...!!

     ผ่านไปแล้วสำหรับเทศกาลสงกรานต์ ก็เย็นชุ่มฉ่ำกันไป ซึ่งหลายๆคนก็กลับเข้าสู่โหมดการทำงานกันอีกครั้ง..ก่อนหน้านี้ผมได้ปล่อย บทความ First Emotion ของ MG3 ไปแล้ว งั้นเรามาต่อเนื่องกับ Cars Battle กันเลยครับ ซึ่งแมตซ์นี้จะเป็นคู่ของ MG3 Hatchback ปะทะ Mazda 2 Skyactiv-G เป็นรถใหม่ทั้งคู่ที่พึ่งจะลงประลองดาบกัน ขอบอกเลยว่า Option คู่นี้ "กินกันยาก" จริงๆ!!


     Cars Battle ครั้งนี้ถือเป็น Episode ที่ 4 แล้ว แต่คราวนี้นอกจากเราจะเทียบกันในเรื่องของ Option ทั้งหมดในตัว Top สุดแล้ว เรายังจะเพิ่มความเข้มข้นขึ้นด้วยการเทียบสเปคในรุ่นต่ำสุดด้วย ว่าเขาจะเหลืออะไรให้บ้าง และรถ 2 คันที่ได้จับมาเทียบกันนี้เรียกได้ว่าอัดมาให้เต็มๆตั้งแต่รุ่นเริ่มต้นกันเลย ถ้าพร้อมแล้ว..ไปลุยกันเลย>>

     ช่วงแรกจะเป็นการเทียบตัว Top ของทั้งสองรุ่นก่อน..เรามาเริ่มกันที่รูปลักษณ์ภายนอกกันดีกว่า ทรวดทรงองค์เอวของ MG3 นั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย สบายตา ด้านหน้าโดดเด่นด้วยไฟหน้า และไฟ DRL ที่เห็นชัดเจนในตอนกลางวัน แต่ไม่มีไฟตัดหมอกมาให้ ด้านข้างจะเห็นที่เปิดประตูที่แอบจะโบราณไปนิด ไฟท้ายใหญ่ที่เป็นแนวตรงมองเห็นได้ชัดเจนดีครับ ปิดท้ายด้วยปลายท่อไอเสียสแตนเลสทรงสี่เหลี่ยมทำให้ดูสปอร์ตขึ้น โดยรวมก็ถือว่าสวยงามนะ ถึงจะเรียบๆแต่ก็ดูไม่จืดชืด แถมยังสามารถเปลี่ยนลายหลังคาและกระจกมองข้างได้อีกด้วย 
     ส่วน Mazda 2 Hatchback นั้นคงจะคุ้นหูคุ้นตากันไปแล้วจากตัวดีเซล ซึ่งก็แทบไม่มีอะไรต่างกัน กระจังหน้าโครเมียม ไฟหน้าแบบฮาโลเจนธรรมดา ไม่มีไฟ DRL แต่มีไฟตัดหมอกให้ในรุ่นท็อป เส้นสายด้านข้างนั้นจะมีความพริ้วไหวและดูสปอร์ตอย่างชัดเจน และมีสปอยเลอร์หลังมาให้ โดยรวมเป็นรถที่ให้อารมณ์สปอร์ตจ๋ามาเลย ตัวรถดูกระทัดรัดกว่า MG3 แต่นั่นจะส่งผลถึงพื้นที่ภายในห้องโดยสารหรือเปล่า เดี๋ยวรู้กันครับ^^


     สัดส่วนของ MG3 จะกว้างและสูงกว่า Mazda 2 แต่สั้นกว่าอยู่ 42 มม. และหนักกว่าถึง 196 กก.เลยทีเดียว


     อุปกรณ์ภายนอกในรุ่นท็อปของทั้งสองถือว่าสูสีกันมาก โดย MG3 จะเด่นกว่า Mazda 2 ตรงที่มีไฟ DRL ไฟหน้าเปิด/ปิดอัตโนมัติ และที่ปัดน้ำฝนเปิด/ปิดอัตโนมัติ ในขณะเดียวกัน Mazda 2 ก็จะเด่ดกว่าด้วยการใส่ไฟตัดหมอกมาให้ รวมถึงสปอยเลอร์หลัง และกระจกกรองแสงรอบคัน...ส่วนล้ออัลลอยทั้งสองให้มาเท่ากันที่ 15 นิ้ว..




     มาถึงภายในห้องโดยสารกันบ้าง ทาง MG3 จะมีการออกแบบที่สอดคล้องกับภายนอกคือเรียบง่ายสบายตา พวงมาลัยทรงแปลกสามก้าน คอนโซลใช้วัสดุเป็นพลาสติกแข็ง ช่องแอร์ ชุดเครื่องเสียง และควบควบคุมต่างๆจะออกแบบเป็นทรงรีแนวนอนเรียงกัน ตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆ อาจจะสับสนเล็กน้อยเนื่องจากเป็นรถสไตล์ยุโรป เบาะหนังด้านหน้าให้ความสบายดีครับ แต่ไม่ค่อยกระชับเท่าไหร่ ส่วน Mazda 2 จะมาในแนวสปอร์ต มาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล มีจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว แผงคอนโซลมีแถวคาดกลางที่ใช้วัสดุนุ่ม ช่วยเพิ่มความหรูหราไปในตัว โดยรวมจะดูเรียบหรู เบาะหนังด้านหน้ากระชับมากกว่า พนักพิงศีรษะดันกว่า ช่องประตูหลังรู้สึกจะแคบกว่า MG3 นิดๆ พื้นที่ด้านหลังไม่ว่าจะเป็นพื้นที่วางขา เหนือศีรษะ MG3 จะทำได้ดีกว่า ในส่วนของเบาะหลัง MG3 จะยาวกว่า Mazda 2 นิดๆ แต่ Mazda 2 จะมีมุมเงยมากกว่า และพนักพิงหลังก็ชันกว่า


     อุปกรณ์ภายในนั้น Mazda 2 อย่างที่บอกว่าบริเวณคอนโซลจะมีแถบที่ใช้วัสดุนุ่บหุ้มหลังเดินด้านสี
แดง มีปุ่มสตาร์ทมาให้ พร้อมสวิตซ์ Drive Selection เพิ่มอารมณ์ในการขับขี่ ส่วน MG3 นั้นไม่มีอะไรแพรวพราว แต่ลงทุนใส่หลังซันรูฟมาให้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นรถที่มีซันรูฟในราคาที่ถูกที่สุด



     ระบบความบันเทิง Mazda 2 จะดูดีกว่าด้วยหน้าจอแสดงผลแบบทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander ทั้งยังมีระบบจดจำเสียง, ช่องใส่ SC Card สำหรับระบบนำทาง Navigator 


     MG3 จะมีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ซึ่งจะมีแรงม้าและแรงบิดมากกว่าเครื่อง 1.3 ลิตรของ Mazda 2 ถังน้ำมันจุมากกว่าถึง 10 ลิตร แต่รัศมีวงเลี้ยวก็กว้างกว่า Mazda 2 


     ระบบความปลอดภัยจะบอกว่า "สูสีมากกกก" ดูจากตารางที่จะต่างกันคือ MG3 จะให้ระบบเสริมแรงเบรค BA, ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC, ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR และสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง ส่วน Mazda 2 ก็จะสวนกลับด้วย ะบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติ เมื่อเบรกกะทันหัน ESS, เข็มขัดนิรภัยคนขับ ปรับระดับได้ และเข็มขัดนิรภัยด้านหลังแบบ ELR 3 จุด ตำแหน่ง

     มาถึงหัวข้อการทดสอบการชนกันบ้าง Mazda 2 ใหม่ยังไม่มีการทดสอบ ดังนั้นไปดูของ MG3 กันก่อนครับ

     เป็นการทดสอบใน Euro Ncap ซึ่งมีระบบความปลอดภัยค่อนข้างใกล้เคียงกับบ้านเรา ฉะนั้นเวอร์ชั่นไทยคะแนนน่าจะใกล้เคียงกัน ซึ่งคะแนนสำหรับการปกป้องผู้ใหญ่ด้านหน้าได้ไป 69% การป้องกันเด็กได้ 71% การปกป้องคนเดินเท้าได้ 59% และระบบความปลอดภัยในรถได้ไปเพียง 38% เท่านั้น     

ราคา MG3 Hatchback ได้แก่
รุ่น C  ราคา 479,000 บาท
รุ่น D  ราคา 509,000 บาท
รุ่น X SUNROOF ราคา 559,000 บาท

ราคา Mazda 2 Hatchback ได้แก่
Mazda 2 Sports Standard ราคา 550,000 บาท
Mazda 2 Sports High 
ราคา 610,000 บาท
Mazda 2 Sports High Plus 
ราคา 665,000 บาท

     สรุปเลยละกัน...รถทั้ง 2 คันนี้ต่างก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีดีมีเสียต่างกันไป MG3 เป็นน้องใหม่ที่มาถูกทาง คือมีออพชันที่ดูจะสมเหตุสมผล มีการให้ระบบความปลอดภัยที่เต็มเหนี่ยว มีพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง แต่หลายคนกำลังห่วงเรื่องศูนย์ที่ยังไม่ครอบคลุม(แต่กำลังขยาย) การบริการหลังขายจะเป็นอย่างไร ค่าอะไหร่จะแพงไหม นี่เป็นสิ่งที่จะต้องใช้เวลาเป็นตัวพิสูจน์...ส่วน Mazda 2 นั้นเรียกได้ว่าขายดีไซต์ก็คงจะไม่ผิด เพราะหลายคนหลงในเส้นสายของเขา รวมไปถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีต่างๆ ถึงภายในจะคับแคบไปหน่อยแต่ก็ให้อารมณ์สปอร์ตหรู และด้วยชื่อชั้นที่คุ้นหูและดูจะเชื่อมั่นมากกว่า จึงเป็นอีกจุดขายของ Mazda 2 คันนี้ ยังไงก็ต้องหาเวลาไปลองขับกันดูนะครับ เพราะสมัยนี้จะมาตัดสินความแรงกันแค่ตัวเลขแรงม้าไม่ได้แล้ว...!!

ตารางเปรียบเทียบในรุ่นเริ่มต้น








*********************************************************************************

Mitsubishi Evoluton Final Edition สั่งลารุ่นสุดท้าย..ก่อนกลายเป็นตำนาน..!!

       เมื่อมีเกิดก็ต้องมีดับไป เพราะอีกไม่นานสาวกมิตซูฯจะต้องจารึกรถแรงระดับตำนานอย่าง Mitsubishi Evolution เสียแล้ว หลังจากที่เป็นรถที่สร้างชื่อเสียงมากมายจนทั่วโลกให้การยอมรับ Mitsubishi จึงได้ผลิตรุ่นสั่งลาสุดท้าย Mitsubishi Evoluton Final Edition ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,000 คันเท่านั้น...!!



       เป็นระยะเวลานานที่ Mitsubishi Evoluton ได้ไปโลดแล่นอยู่บนเวทีระดับโลก ซึ่งอีกไม่นานก็เตรียมหยุดสายการผลิตภายในปีนี้ พร้อมส่งท้ายกับรุ่นพิเศษที่มีความดุดัน กระจังหน้าสีดำเงา Black Hi-gloss ชุดแต่งรอบคัน ล้ออัลลอยด์ BBS ขนาด 18 นิ้ว สี Gun Metalic ขนาดยาง 245/40 R18 สปอร์ตเต็มพิกัด


       ส่วนภายในห้องโดยสารตกแต่งพิเศษ พวงมาลัย หัวเกียร์และเบรกมือหุ้มหนังสีดำและเดินด้านสีแดง ด้วยเบาะนั่งคู่หน้าจาก Recaro แบบ Bucket Seat และบริเวณคอนโซลเกียร์จะมีการรันหมายเลขจำนวนใน 1,000 คันอีกด้วย

       ขุมพลังนั้นจะใช้เครื่องยนต์ Mivec ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ เทอร์โบ ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่น 4 ล้อแบบ AWD ช่วงล่างมีการปรับปรุงใหม่ที่ใช้โช็คอัพของ Eibach ระบบดิกส์เบรกหน้าหลังจาก Brembo 
       Mitsubishi Evoluton Final Edition มีให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีแดง สีเทา สีดำ สีฟ้า สีขาว เสริมด้วยสีหลังคาให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาวและสีดำ ราคาจำหน่ายที่ญี่ปุ่นนั้นจะอยู่ที่ 4,300,000 เยน หรือประมาณ 1.2 ล้านบาท Mitsubishi Evoluton คงจะอยู่ในความทรงจำไปอีกนาน...!!
*********************************************************************************************************

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2558

Honda Fit Shuttle ออกวิ่งทดสอบแล้วที่ญี่ปุ่น..พร้อมเปิดตัวภายในปีนี้!!

     หลังจากที่มีภาพหลุดสิทธิบัตรของ Honda Fit Shuttle ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งจะเห็นรูปร่างหน้าตา 
เส้นสายที่จัดเจน ล่าสุดได้มีภาพ SpyShot ของ Honda Fit Shuttle ออกมาวิ่งทดสอบในประเทศญี่ปุ่นแล้ว ซึ่งก็มีแนวโน้ม
ว่ากำหนดการเปิดตัวน่าจะเกิดขึ้นภายในปี 2015 นี้...!!


     ฮอนด้าได้เริ่มการทดสอบ Honda Fit Shuttle 2015 แล้วที่ญี่ปุ่น โดยแน่นอนว่ามันจะใช้พื้นฐานมาจาก Honda Jazz/Fit ใหม่นั่นเอง 
ไฟหน้า กระจังหน้ามีการออกแบบใหม่แต่ยังคงเอกลักษณ์ของ Jazz ไว้ให้พอจำได้อยู่ เส้นสายด้านข้างนี่ยกลงมาเลย ส่วนบั้นท้ายนั้น
ดูเหมือนว่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Civic Tourer ที่ขายในยุโรปอีกด้วย

     Honda Fit Shuttle 2015 ภายในนั้นจะมีการใช้ชิ้นส่วนที่ร่วมกับ Honda Jazz แต่จะใช้วัสดุที่มีระดับมากขึ้น และมีพื้นที่ค่อนข้าง
กว้างขวางมาก ซึ่งคาดว่าจะมีพื้นที่ใช้สอยมากถึง 590 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์น่าจะเป็นเครื่องเบนซิน 1.3 หรือไม่ก็ 1.5 ลิตร ที่มีสมรรถนะที่ดี 
แต่ยังให้ความประหยัดและรักษาสิ่งแวดล้อม

     Honda Fit Shuttle 2015 คาดว่าจะเปิดตัวทำตลาดในญี่ปุ่นภายในปีนี้ และสาวกชาวไทยคงได้แต่มอง...!!


ภาพหลุดสิทธิบัตรจาก Joke For Blog

ที่มา http://indianautosblog.com/
************************************************************************************************************